วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

คุณค่าของอาหารเช้า

อาหารเช้า กับชีวิตประจำวัน

โดยทั่วไปเรารับประทานอาหารวันละ 3 เวลา โดยประมาณว่า รับประทานอาหารเช้าตอน 7โมงเช้า อาหารกลางวันเวลา 12 โมง หรือพักเที่ยง และอาหารเย็น 6 โมงเย็น โดยประมาณ
เมื่อเรารับประทานอาหารเย็นเวลา 6 โมงเย็น จนถึงเวลาอาหารเช้าตอน 7 โมงเช้า ก็เป็นเวลา13 ชั่วโมง และถ้าเราไม่ได้รับประทานอาหารเช้า ก็คือไปทานอาหารอีกทีตอนเที่ยงวัน หรือ12 โมง หมายความว่า เราไม่ได้รับประทานอาหารเลยเป็นเวลา 18 ชั่วโมง เลยทีเดียว

"การที่เราไม่ได้รับประทานอาหารเช้าเป็นเวลานาน ถึง 18 ชั่วโมง ก็เกิดความเคยชิน ว่าไม่รับประทานอาหารเช้าก็ไม่เป็นไร ดูเหมือนเป็นปกติ" เราคิดอย่างนั้น แต่ท่านทราบไหมว่า ความเคยชินนั้นเป็นความรู้สึกของเราเอง แต่ไม่ใช่ว่าร่างกายจะไม่ได้รับความเดือดร้อน เพียงแต่ว่าความเดือดร้อนนั้น ไม่ได้ให้ผลออกมาในทันที โดยเฉพาะในขณะที่ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ และอยู่ในวัยที่ยังแข็งแรง

มาดูว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้าเราไม่ได้รับประทานอาหารเช้า ในขณะที่ชีวิตวันใหม่ เริ่มต้นด้วยการใช้พลังงาน ตั้งแต่ตื่นนอน ต้องรีบอาบน้ำล้างหน้า แต่งตัว ออกเดินทางไปปฏิบัติภาระกิจ เช่นเด็กไปโรงเรียน ไปมหาลัย ผู้ใหญ่ไปทำงาน ทุกอย่างที่ว่ามา ร่างกายต้องใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง มากบ้างน้อยบ้าง ตามที่ร่างกายต้องการ โดยเฉพาะ ผู้ที่ต้องใช้สมอง ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่ต้องเรียนหนังสือ หรือทำข้อสอบ ผู้ใหญ่ที่ทำงานต้องใช้สมอง ในการแก้ปัญหา ทุกอย่างที่ว่ามาเป็นการใช้พลังงาน ซึ่งร่างกายต้องใช้ไป ซึ่งพลังงานก็ได้มาจากอาหาร ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ ฮอร์โมน เหล่านี้ถูกใช้ไปตลอดระยะเวลาเช้า ถึงกลางวัน จนกว่าจะได้รับอาหารในเวลากลางวัน ซึ่งรวมเวลาที่ไม่ได้รับอาหารประมาณ 18 ชั่วโมง

ในขณะที่ร่างกายยังแข็งแรง ร่างกายยังมีอาหารหรือพลังงานที่สะสมไว้มากพอ การไม่ได้รับประทานอาหารเช้าบางมือบางวัน ก็คงไม่ได้รับผลที่ร้ายแรงมากนัก แต่การที่ร่างกายที่ไม่ได้รับประทานอาหารเช้า เป็นเวลาต่อเนื่องยาวนาน เป็นเดือน เป็นปี เป็นหลายๆ ปี เป็น 10 ปี ดูเหมือนว่า ร่างกายเกิดความเคยชิน แต่ในความเป็นจริง เป็นความรู้สึกว่าเคยชิน ทั้งที่ร่างกายยังต้องการอาหารอยู่เหมือนเดิม

การที่ไม่ได้รับประทานอาหารเช้าเป็นเวลา นานๆ ต่อเนื่องไปเป็นปี ร่างกายที่ต้องใช้พลังงาน โปรตีน เกลือแร่ ฮอร์โมน ออกไป หลายอย่างอาจหมดไป เพราะได้ใช้ไปอย่างต่อเนื่องนอกจากนั้น การรับประทานอาหาร 2 เวลา คือ กลางวัน และกลางคืน อาจไม่ได้รับสารอาหารอย่างพอเพียง และสารอาหารหลายอย่าง อาจไม่ได้รับ หรือรับน้อยเกินไป ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน เกลือแร่ วิตามิน หรือฮอร์โมน ที่ได้รับจากอาหาร ก็ยังได้น้อยบ้างมาบ้าง ไม่ได้รับบ้าง แต่ความต้องการใช้สารอาหาร ในการดำรงชีวิติยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

เมื่อร่างกายอ่อนแอ อันเกิดจากหลายๆ สาเหตุรวมทั้งเมื่ออายุที่มากขึ้น ร่างกายจะเกิดอาการที่ไม่ปกติหลายๆ อย่างที่อาจหาสาเหตุไม่ได้ หลายโรค อาจมีอาการร้ายแรงจนไม่สามารถรักษาได้ หลายครั้ง ก็เกิดโรคที่มีอาการเรื้อรัง หลายครั้ง หมอไม่อาจวิเคราะห์สาเหตุแห่งโรคได้

มีการพบว่า การใช้อาหารเสริมหลายอย่าง สามารถช่วยทำให้โรคต่างๆ หายได้ทั้งที่ "อาหารเสริม" ไม่ใช่ยา ทั้งนี้เป็นเพราะว่า การที่ร่างกายได้รับอาหารเสริม ก็คือ ได้รับอาหารที่ไม่เคยได้รับ หรือได้รับไม่พอ เป็นเวลานาน เมื่อร่างกายได้รับ ก็ทำให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงขึ้น จนสามารถต่อสู้กับโรคได้ เพราะร่างกายมีความสามารถในการรักษาโรคเองอยู่แล้ว ถ้าร่างกายมีความแข็งแรงพอ แต่คนส่วนมาก ก็ยกความดีความชอบให้กับอาหารเสริม ว่าสามารถรักษาโรคได้

ทำไมบางคนได้รับ อาหารเสริม แล้วไม่สามารถแก้โรคได้ ก็เพราะว่า อาหารเสริม แต่ละอย่างมีสารอาหารไม่เหมือนกัน ดังนั้นบางคนรับประทานอาหารเสริม อย่างหนึ่งแล้วทำให้โรคหาย แต่อีกคนหนึ่ง รับประทานอาหารเสริมอย่างอื่น ดีกว่า เพราะคนแต่ละคน ขาดสารอาหารไม่เหมือนกัน อาหารเสริม แต่ละอย่างมีสารอาหารมากน้อย ไม่เหมือนกัน จึงได้ผลไม่เหมือนกันทุกคน ในอาหารเสริมชนิดเดียวกัน ก็เข้าทำนอง รางเนื้อ ชอบรางยาละครับ

ถึงตอนนี้ อยากให้เราหันมาให้ความสำคัญกับอาหารเช้ากันมากขึ้นนะครับ ไม่เพียงเพื่อสุขภาพของเราเองเท่านั้น ยังรวมถึงสุขภาพจิตของคนที่เรารัก และคนที่รักเราอีกด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นการ ป้องกันไว้ดีกว่า รอไว้แก้ไข นอกจากต้องเสียสุขภาพ เสียเงิน เสียเวลา อย่าลืมว่า เราไม่สามารถเรียกเวลาและโอกาสให้กลับคืนมาได้อีก

Credit by www.b2eoryza.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น