วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

คุณค่าของอาหารเช้า

อาหารเช้า กับชีวิตประจำวัน

โดยทั่วไปเรารับประทานอาหารวันละ 3 เวลา โดยประมาณว่า รับประทานอาหารเช้าตอน 7โมงเช้า อาหารกลางวันเวลา 12 โมง หรือพักเที่ยง และอาหารเย็น 6 โมงเย็น โดยประมาณ
เมื่อเรารับประทานอาหารเย็นเวลา 6 โมงเย็น จนถึงเวลาอาหารเช้าตอน 7 โมงเช้า ก็เป็นเวลา13 ชั่วโมง และถ้าเราไม่ได้รับประทานอาหารเช้า ก็คือไปทานอาหารอีกทีตอนเที่ยงวัน หรือ12 โมง หมายความว่า เราไม่ได้รับประทานอาหารเลยเป็นเวลา 18 ชั่วโมง เลยทีเดียว

"การที่เราไม่ได้รับประทานอาหารเช้าเป็นเวลานาน ถึง 18 ชั่วโมง ก็เกิดความเคยชิน ว่าไม่รับประทานอาหารเช้าก็ไม่เป็นไร ดูเหมือนเป็นปกติ" เราคิดอย่างนั้น แต่ท่านทราบไหมว่า ความเคยชินนั้นเป็นความรู้สึกของเราเอง แต่ไม่ใช่ว่าร่างกายจะไม่ได้รับความเดือดร้อน เพียงแต่ว่าความเดือดร้อนนั้น ไม่ได้ให้ผลออกมาในทันที โดยเฉพาะในขณะที่ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ และอยู่ในวัยที่ยังแข็งแรง

มาดูว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้าเราไม่ได้รับประทานอาหารเช้า ในขณะที่ชีวิตวันใหม่ เริ่มต้นด้วยการใช้พลังงาน ตั้งแต่ตื่นนอน ต้องรีบอาบน้ำล้างหน้า แต่งตัว ออกเดินทางไปปฏิบัติภาระกิจ เช่นเด็กไปโรงเรียน ไปมหาลัย ผู้ใหญ่ไปทำงาน ทุกอย่างที่ว่ามา ร่างกายต้องใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง มากบ้างน้อยบ้าง ตามที่ร่างกายต้องการ โดยเฉพาะ ผู้ที่ต้องใช้สมอง ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่ต้องเรียนหนังสือ หรือทำข้อสอบ ผู้ใหญ่ที่ทำงานต้องใช้สมอง ในการแก้ปัญหา ทุกอย่างที่ว่ามาเป็นการใช้พลังงาน ซึ่งร่างกายต้องใช้ไป ซึ่งพลังงานก็ได้มาจากอาหาร ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ ฮอร์โมน เหล่านี้ถูกใช้ไปตลอดระยะเวลาเช้า ถึงกลางวัน จนกว่าจะได้รับอาหารในเวลากลางวัน ซึ่งรวมเวลาที่ไม่ได้รับอาหารประมาณ 18 ชั่วโมง

ในขณะที่ร่างกายยังแข็งแรง ร่างกายยังมีอาหารหรือพลังงานที่สะสมไว้มากพอ การไม่ได้รับประทานอาหารเช้าบางมือบางวัน ก็คงไม่ได้รับผลที่ร้ายแรงมากนัก แต่การที่ร่างกายที่ไม่ได้รับประทานอาหารเช้า เป็นเวลาต่อเนื่องยาวนาน เป็นเดือน เป็นปี เป็นหลายๆ ปี เป็น 10 ปี ดูเหมือนว่า ร่างกายเกิดความเคยชิน แต่ในความเป็นจริง เป็นความรู้สึกว่าเคยชิน ทั้งที่ร่างกายยังต้องการอาหารอยู่เหมือนเดิม

การที่ไม่ได้รับประทานอาหารเช้าเป็นเวลา นานๆ ต่อเนื่องไปเป็นปี ร่างกายที่ต้องใช้พลังงาน โปรตีน เกลือแร่ ฮอร์โมน ออกไป หลายอย่างอาจหมดไป เพราะได้ใช้ไปอย่างต่อเนื่องนอกจากนั้น การรับประทานอาหาร 2 เวลา คือ กลางวัน และกลางคืน อาจไม่ได้รับสารอาหารอย่างพอเพียง และสารอาหารหลายอย่าง อาจไม่ได้รับ หรือรับน้อยเกินไป ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน เกลือแร่ วิตามิน หรือฮอร์โมน ที่ได้รับจากอาหาร ก็ยังได้น้อยบ้างมาบ้าง ไม่ได้รับบ้าง แต่ความต้องการใช้สารอาหาร ในการดำรงชีวิติยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

เมื่อร่างกายอ่อนแอ อันเกิดจากหลายๆ สาเหตุรวมทั้งเมื่ออายุที่มากขึ้น ร่างกายจะเกิดอาการที่ไม่ปกติหลายๆ อย่างที่อาจหาสาเหตุไม่ได้ หลายโรค อาจมีอาการร้ายแรงจนไม่สามารถรักษาได้ หลายครั้ง ก็เกิดโรคที่มีอาการเรื้อรัง หลายครั้ง หมอไม่อาจวิเคราะห์สาเหตุแห่งโรคได้

มีการพบว่า การใช้อาหารเสริมหลายอย่าง สามารถช่วยทำให้โรคต่างๆ หายได้ทั้งที่ "อาหารเสริม" ไม่ใช่ยา ทั้งนี้เป็นเพราะว่า การที่ร่างกายได้รับอาหารเสริม ก็คือ ได้รับอาหารที่ไม่เคยได้รับ หรือได้รับไม่พอ เป็นเวลานาน เมื่อร่างกายได้รับ ก็ทำให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงขึ้น จนสามารถต่อสู้กับโรคได้ เพราะร่างกายมีความสามารถในการรักษาโรคเองอยู่แล้ว ถ้าร่างกายมีความแข็งแรงพอ แต่คนส่วนมาก ก็ยกความดีความชอบให้กับอาหารเสริม ว่าสามารถรักษาโรคได้

ทำไมบางคนได้รับ อาหารเสริม แล้วไม่สามารถแก้โรคได้ ก็เพราะว่า อาหารเสริม แต่ละอย่างมีสารอาหารไม่เหมือนกัน ดังนั้นบางคนรับประทานอาหารเสริม อย่างหนึ่งแล้วทำให้โรคหาย แต่อีกคนหนึ่ง รับประทานอาหารเสริมอย่างอื่น ดีกว่า เพราะคนแต่ละคน ขาดสารอาหารไม่เหมือนกัน อาหารเสริม แต่ละอย่างมีสารอาหารมากน้อย ไม่เหมือนกัน จึงได้ผลไม่เหมือนกันทุกคน ในอาหารเสริมชนิดเดียวกัน ก็เข้าทำนอง รางเนื้อ ชอบรางยาละครับ

ถึงตอนนี้ อยากให้เราหันมาให้ความสำคัญกับอาหารเช้ากันมากขึ้นนะครับ ไม่เพียงเพื่อสุขภาพของเราเองเท่านั้น ยังรวมถึงสุขภาพจิตของคนที่เรารัก และคนที่รักเราอีกด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นการ ป้องกันไว้ดีกว่า รอไว้แก้ไข นอกจากต้องเสียสุขภาพ เสียเงิน เสียเวลา อย่าลืมว่า เราไม่สามารถเรียกเวลาและโอกาสให้กลับคืนมาได้อีก

Credit by www.b2eoryza.com

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

ค่า B

1024*1024 byte = 1M
1024*1024*1024 byte=1G

1GB=1024MB
1 Mb = 1024Kb
1 Kb = 1024 Byte
1 Byte = 8 bit
1 bit = 1ตัวอักษร

b กับ B ต่างกัน โดยทั่วไปถือว่า b = bit, B = Byte
เพราะฉะนั้นเวลาบอกโหลดไฟล์ได้ตั้ง 100kbps อันนี้ถือว่าไม่เร็วมาก
แต่ถ้า โหลดได้ตั้ง 100kBps อันนี้คือเร็วกว่ากันมาก (~8เท่า)

บทความ

ผมอยู่ในยุคที่กำลังหลงทาง...
และก็ไม่เชื่อว่า
ผมจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้
คงเป็นเรื่องน่าตกใจถ้าจะพูดว่า
“ความสุขที่แท้จริงจากภายในคือคำตอบ”
นั้นมันเป็นเรื่องไม่จริง
ที่ว่า “เงินเท่านั้นที่ทำให้ผมมีความสุข”
ดังนั้นในอีกสามสิบปีผมจะบอกลูก ๆ ว่า
พวกเขาไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด
ผมจะบอกเจ้านายว่า
ผมจะให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากัน
งาน
สำคัญกว่า
ครอบครัว
ผมอยากจะบอกว่า
ในอดีต
ครอบครัวเคยอยู่ด้วยกัน
แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว
เดี๋ยวนี้โลกเราเน้นความสะดวกสบาย
มีคนเคยบอกว่า
อีกสามสิบปี ผมจะเลี้ยงฉลองครบรอบสิบปีที่หย่าเมีย
และผมก็ไม่เชื่อว่า
ผมจะได้อยู่ในโลกที่ทุกคนใฝ่ฝัน
ในอนาคต
การทำลายสิ่งแวดล้อมจะเป็นเรื่องปกติ
พูดไม่ได้แล้วว่า
พวกเราให้ความสำคัญกับโลกใบนี้
และก็จะชัดเจนว่า
คนรุ่นผมนั้นขี้เกียจและเฉื่อยชาแฉะแบะ
จะโง่มากถ้าคิดว่า
โลกนี้ยังมีหวัง...

อ้างอิงจาก http://www.ruktv.com/%E0%B8%95%E0%B8%B510-27-10-52/

Lost Generation
I am part of a lost generation
and I refuse to believe that
I can change the world
I realize this may be a shock but
“Happiness comes from within.”
is a lie, and
“Money will make me happy.”
So in 30 years I will tell my children
they are not the most important thing in my life
My employer will know that
I have my priorities straight because
work
is more important than
family
I tell you this
Once upon a time
Families stayed together
but this will not be true in my era
This is a quick fix society
Experts tell me
30 years from now, I will be celebrating the 10th anniversary of my divorce
I do not concede that
I will live in a country of my own making
In the future
Environmental destruction will be the norm
No longer can it be said that
My peers and I care about this earth
It will be evident that
My generation is apathetic and lethargic
It is foolish to presume that
There is hope.

อ้างอิงจาก http://atcloud.com/stories/69318

บทความโดนใจ ที่อ่านแล้วซึ้ง ค

บทความนี้สามารถอ่านจากข้างบนลงล่างแล้วข้างล่างขึ้นบนได้
วามหมาย

วิธีบีบอัดไฟล์ แบบ ต่างๆ

1. โดยทั่วไปแล้ว หลายๆ ท่านจะเลือกลักษณะแบบนี้ทุกครั้งเวลาจะบีบอัดไฟล์ ซึ่งก็จะได้ไฟล์มาปรกติ

2. ทีนี้ เราลองมาเลือกแบบนี้ดู



3. จะปรากฏหน้าต่างนี้ขึ้นมา สังเกตตรง Compression Method ให้ดี



4. โดยจะมีรูบแบบให้เราเลือกว่าจะกำหนดการบีบอัดให้อยู่ ในลักษณะใหน



5. มาดูการกำหนด ถ้าเป็นไฟล์มัลติมีเดียทั้งหลาย เช่น mp3 mpg wmv ก็เลือกตามนี้



6. ไฟล์โปรแกรม แล้วทั่วไป เช่น rar zip exe ก็เลือกตามนี้



7. ไฟล์เอกสารทั่วไป เช่น doc ppt txt เลือกตามนี้



8. จากนั้นก็กด OK เพื่อทำการบีบอัดไฟล์ได้เลย



ลองสังเกต ความไว ในการ บีบอัดด้วยนะ





การบีบอัดไฟล์ และแยกเป็นไฟล์ย่อยๆ ด้วย WinRAR


โดยปกติเมื่อเราต้องการส่งไฟล์ไปให้เพื่อทางอีเมล์ เราก็จะทำการแนบไฟล์ไปกับเมล์นั้น แต่การส่งไฟล์ทางอีเมล์นั้นก็สามารถส่งไฟล์ได้ไม่เกิน 10 เมกกะไบต์ หรือบางทีก็กำหนดให้ไม่เกิน 5 เมกกะไบต์ แต่ถ้าไฟล์ของเรามีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะส่งได้ เราก็จะต้องทำการบีบอัดไฟล์เพื่อให้มีขนาดเล็กลงก่อนที่จะแนบไปกับเมล์ แต่บางครั้งหลังจากทำการบีบอัดแล้ว ไฟล์ก็ยังมีขนาดใหญ่เกินไปอีก ดังนั้น เราจึงต้องแบ่งไฟล์นั้นออกเป็นไฟล์ย่อยๆ จากนั้นจึงส่งเมล์โดยแนบไฟล์ไปที่ละหนึ่งไฟล์ต่อเมล์ไปให้เพื่อน เมื่อปลายทางได้รับเมล์จนครบแล้วก็จะสามารถรวมไฟล์นั้นกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

โปรแกรม WinRAR เป็นโปรแกรมหนึ่งที่สามารถทำการบีบอัพไฟล์ และแบ่งเป็นไฟล์ย่อยๆ ได้ในคราวเดียวกัน อีกทั้งยังสามารถบีบอัดไฟล์ได้เล็กกว่า WinZIP อีกด้วย


การบีบอัดไฟล์ และแยกเป็นไฟล์ย่อย

1. ถ้ามีหลายไฟล์ ให้ทำการไฟล์ที่ต้องการบีบอัดก่อน จากนั้นค่อยคลิกขวาที่ไฟล์ที่เราเลือกเอาไว้ แต่ถ้ามีไฟล์เดียวก็คลิกขวาที่ไฟล์นั้นได้เลย แล้วเลือกที่รายการ "Add to archive..."


2. เราจะได้หน้าต่างใหม่ขึ้นมา โดยโปรแกรมจะทำการตั้งชื่อให้อัตโนมัติ แต่เราก็สามารถพิมพ์ชื่อใหม่ที่เราต้องการเข้าไปได้


3. ตรงจุดนี้ เราสามารถเลือกขนาดไฟล์ที่ต้องการได้ โดยสามารถเลือกจากรายการที่โปรแกรมมีมาให้ หรือพิมพ์ขนาดไฟล์ที่เราต้องการลงไปโดยตรงก็ได้ ถ้าเราพิมพ์ 5M ก็จะเป็นการกำหนดขนาด 5 เมกกะไบต์ จากภาพ เป็นการกำหนดขนาด 5000000 ไบต์ โปรแกรมก็จะทำการบีบอัดไฟล์ และแบ่งออกเป็นไฟล์ย่อยๆ โดยแต่ละไฟล์จะมีขนาดไม่เกิน 5000000 ไบต์ จากก็คลิกที่ปุ่ม OK




4. โปรแกรมกำลังทำการบีบอัดไฟล์อยู่ โดยโปรแกรมจะแสดงเวลาที่ใช้ไปโดยประมาณ (Elapsed time) และต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ (Time left)


5. เมื่อโปรแกรมทำงานเสร็จ เราก็จะได้ไฟล์ที่ทำการบีบอัดแล้วโดยแบ่งออกเป็นไฟล์ย่อยๆ ซึ่งแต่ละไฟล์จะมีขนาดไม่เกินจากที่เรากำหนดไว้


6. เมื่อเราต้องการแตกไฟล์ออกมาเป็นไฟล์เดิมอีกครั้งก็ให้ก๊อปปี้ไฟล์นามสกุล rar ทั้งหมดมาไว้ในโฟลเดอร์เดียวกัน จากนั้นคลิกขวา เลือก "Extract Here"
7. ถ้าเราเลือกที่รายการ "Extract to klcodec425f\" โปรแกรมจะทำการสร้างโฟลเดอร์ชื่อ "klcodec425f" ขึ้นมาก่อน และแตกไฟล์ไปยังโฟลเดอร์นั้น (แนะนำว่าให้ใช้วิธีนี้ดีกว่า)


หมายเหตุ
  1. ในกรณีที่แปลงไฟล์กลับเป็นอย่างเดิมโดยเลือกรายการ "Extract Here" แล้วชื่อไฟล์ไปซ้ำกับ ไฟล์เดิมที่มีอยู่ก่อนแล้ว จะมีหน้าต่าง Confirm file replace ขึ้นมาถามว่า ต้องการลงทับไฟล์เดิมที่มีอยู่ก่อนหรือไม่ ถ้าเราตอบ Yes ไป ไฟล์เดิมนั้นจะไม่สามารถกู้คืนกลับมาได้
  2. ในข้อ 7 ที่เป็นรายการ "Extract to klcodec425f\" นั้น จะขึ้นอยู่กับว่าไฟล์ที่เราจะแยกนั้นมีชื่อว่าอะไร เช่นถ้าไฟล์ชื่อ windows.part1.rar เมื่อเราคลิกขวาก็จะเห็นเป็น "Extract to windows\" แทน ซึ่งถ้าเราเลือกรายการนี้ โปรแกรมก็จะทำการสร้างโฟลเดอร์ใหม่ชื่อ windows ขึ้นมาก่อนที่จะแตกไฟล์ไปไว้ข้างใน
  3. ถ้าโปรแกรมสามารถบีบอัดไฟล์ได้เล็กว่าขนาดที่เรากำหนด เราก็จะได้ไฟล์นามสกุล rar แค่เพียงไฟล์เดียว
  4. เมื่อเราได้ไฟล์ย่อยๆ มาแล้วไม่ควรไปเปลี่ยนชื่อไฟล์ เพราะเมื่อแปลงไฟล์กลับ โปรแกรมจะแจ้งว่าไม่พบไฟล์ที่ต้องการ ทำให้ไม่สามารถแปลงไฟล์กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
  5. 5 เมกกะไบต์ เท่ากับ 5,242,880 ไบต์ หรือเท่ากับ 5120 KB
  6. ผู้รับไฟล์จากเราจำเป็นต้องมีโปรแกรม WinRAR จึงจะสามารถแปลงไฟล์กลับได้

ประวัติประเพณีสงกรานต์


นางสงกรานต์ประจำปี 2554


นั่งช้างถือปืน พยากรณ์ปีนี้ดุ

กิริณีเทวี นางสงกรานต์ปี 2554

กิริณีเทวี นางสงกรานต์ ปี 2554


ปฏิทินหลวงวันสงกรานต์ ปี 2554 ปีใหม่ไทยปีนี้ตรงกับปีเถาะ นางสงกรานต์ มีนามว่า "กิริณีเทวี" ทรงพาหุรัดทัดดอกมณฑา อาภรณ์แก้วมรกต ภักษาหารถั่ว-งา พระหัตถ์ขวาทรงขอ พระหัตถ์ซ้ายทรงปืน เสด็จนั่งมาเหนือหลังกุญชร (ช้าง) เป็นพาหนะ ซึ่งจากคำทำนายค่อนไปทางร้ายมากกว่าดี

โดยวันที่ 14 เมษายน เป็นวันมหาสงกรานต์ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 5 เวลา 13 นาฬิกา 25 นาที 25 วินาที และวันที่ 16 เมษายน เวลา 17 นาฬิกา 31 นาที 12 วินาที เปลี่ยนจุลศักราชใหม่ เป็น 1373 วันอาทิตย์เป็นโลกาวินาศ น้ำฝนปีนี้ วันพุธ เป็นอธิบดีฝน บันดาลให้ฝนตก 600 ห่า นาคให้น้ำ 5 ตัว เกณฑ์ธัญญาหาร ผลาหาร มัจฉมังษาหาร จะบริบูรณ์ เกณฑ์ธาราธิคุณ ตกราศีปถวี (ดิน) น้ำงามพอดี

ทั้งนี้ คำทำนายตามตำราตรุษสงกรานต์ของ นายสมบัติ พลายน้อย ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2553 ระบุว่า นางสงกรานต์กิริณีเทวี นั่งมาบนหลังช้างซึ่งถือเป็นสัตว์ใหญ่ เป็นมงคลช่วยขับไล่สิ่งร้าย ๆ ให้ออกไปได้ และยังทัดดอกมณฑาเป็นดอกไม้ทิพย์อยู่บนสวรรค์ คนไทยโบราณเชื่อว่าจะช่วยพ้นวิกฤติจากหนักให้เป็นเบา ส่วนภักษาหารที่เป็นถั่วงา แสดงว่าพืชผลข้าวปลาอาหารยังมีความสมบูรณ์อยู่ ส่วนคำทำนายที่ว่าทหารจะมีชัยชนะแก่ข้าศึกศัตรู ก็น่าจะแสดงถึงความสงบสุขของบ้านเมืองในปีนี้ด้วย

ขณะที่ วันมหาสงกรานต์ 2554 ตรงกับวันพฤหัสบดี วันเนาตรงกับวันศุกร์ และวันเถลิงศกตรงกับวันเสาร์ รวมคำทำนายว่า จะเกิดเหตุเภทภัยต่าง ๆ ความเจ็บไข้ ผู้คนล้มตาย แร้งกาจะเป็นโรค สัตว์ป่าจะเป็นอันตราย แต่แม่หม้ายจะมีลาภ และบรรดาทหารทั้งปวงจะมีชัยชนะแก่ข้าศึกศัตรู

ส่วนคำทำนายของล้านนา ระบุว่า ปีนี้ฝนจะตกเสมอต้นเสมอปลายตามฤดูกาล ผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่จักมีอันตราย ช้างม้าวัวควายจักตายมากนัก ไพร่ราษฎรจักอยู่ดีมีสุข ขุนใหญ่ ปุโรหิต พระสงฆ์จักเป็นทุกข์ คนเกิดวันศุกร์มีเคราะห์ คนเกิดวันอาทิตย์มีโชค



ประวัติวันสงกรานต์



สงกรานต์ เป็นประเพณีปีใหม่ของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบเวียดนามและมณฑลยูนนานของจีน ศรีลังกาและทางตะวันออกของประเทศอินเดีย สงกรานต์เป็นคำสันสกฤต หมายถึงการเคลื่อนย้าย ซึ่งเป็นการอุปมาถึงการเคลื่อนย้ายของการประทับในจักรราศี หรือคือการเคลื่อนขึ้นปีใหม่ในความเชื่อของไทยและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวต่างประเทศเรียกว่า "สงครามน้ำ"

ตามหลักแล้วเทศกาลสงกรานต์ถูกกำหนดตามการคำนวณโดยหลักเกณฑ์ในคัมภีร์สุริยยาตร์ โดยวันแรกของเทศกาลซึ่งเป็นวันที่พระอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีเมษ (ย้ายจากราศีมีนไปราศีเมษ) เรียกว่า "วันมหาสงกรานต์" วันถัดมาเรียกว่า "วันเนา"และวันสุดท้ายซึ่งเป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชและเริ่มใช้กาลโยคประจำปีใหม่ เรียกว่า "วันเถลิงศก" จากหลักการข้างต้นนี้ ทำให้ปัจจุบันเทศกาลสงกรานต์มักตรงกับวันที่ 14-16 เมษายน (ยกเว้นบางปี เช่น พ.ศ. 2551 และ พ.ศ. 2555 ที่สงกรานต์กลับมาตรงกับวันที่ 13-15 เมษายน) อย่างไรก็ตาม ปฏิทินไทยในขณะนี้กำหนดให้เทศกาลสงกรานต์ตรงกับวันที่ 13-15 เมษายน ของทุกปี และเป็นวันหยุดราชการ



สงกรานต์ เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยซึ่งสืบทอดมาแต่โบราณคู่มากับประเพณีตรุษ จึงมีการเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมายถึงประเพณีส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่ คำว่าตรุษเป็นภาษาทมิฬ แปลว่าการสิ้นปี

พิธีสงกรานต์ เป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นในสมาชิกในครอบครัว หรือชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียง แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปสู่สังคมในวงกว้าง และมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนทัศนคติ และความเชื่อไป ในความเชื่อดั้งเดิมใช้สัญลักษณ์เป็นองค์ประกอบหลักในพิธี ได้แก่ การใช้น้ำเป็นตัวแทน แก้กันกับความหมายของฤดูร้อน ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ใช้น้ำรดให้แก่กันเพื่อความชุ่มชื่น มีการขอพรจากผู้ใหญ่ การรำลึกและกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับ ในชีวิตสมัยใหม่ของสังคมไทยเกิดประเพณีกลับบ้านในเทศกาลสงกรานต์ นับวันสงกรานต์เป็นวันครอบครัว ในพิธีเดิมมีการสรงน้ำพระที่นำสิริมงคล เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่มีความสุข ปัจจุบันมีพัฒนาการและมีแนวโน้มว่าได้มีการเสริมจนคลาดเคลื่อนบิดเบือนไป เกิดการประชาสัมพันธ์ในเชิงการท่องเที่ยวว่าเป็น ‘Water Festival’ เป็นภาพของการใช้น้ำเพื่อแสดงความหมายเพียงประเพณีการเล่นน้ำ

การที่สังคมเปลี่ยนไป มีการเคลื่อนย้ายที่อยู่เข้าสู่เมืองใหญ่ และถือวันสงกรานต์เป็นวัน "กลับบ้าน" ทำให้การจราจรคับคั่งในช่วงวันก่อนสงกรานต์ วันแรกของเทศกาล และวันสุดท้ายของเทศกาล เกิดอุบัติเหตุทางถนนสูง นับเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงหลายด้านของสังคม นอกจากนี้ เทศกาลสงกรานต์ยังถูกใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งต่อคนไทย และต่อนักท่องเที่ยวต่างประเทศ

กิจกรรมในวันสงกรานต์


การทำบุญตักบาตร ถือว่าเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลให้ตัวเอง และ อุทิศส่วนกุศลนั้นแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว การทำบุญแบบนี้มักจะเตรียมไว้ล่วงหน้า นำอาหารไปตักบาตรถวายพระภิกษุที่ศาลาวัด ซึ่งจัดเป็นที่รวมสำหรับทำบุญ ในวันนี้หลังจากที่ได้ทำบุญเสร็จแล้ว ก็จะมีการก่อพระทรายอันเป็นประเพณีด้วย
การสรงน้ำพระการรดน้ำ เป็นการอวยพรปีใหม่ให้กันและกัน น้ำที่รดมักใช้น้ำหอมเจือด้วยน้ำธรรมดา


การสรงน้ำพระจะรดน้ำพระพุทธรูปที่บ้านและที่วัด และบางที่จัด สรงน้ำพระสงฆ์ ด้วย

การรดน้ำผู้ใหญ่ คือการไปอวยพรให้ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ครูบาอาจารย์ ท่านผู้ใหญ่มักจะนั่งลงแล้วผู้ที่รดก็จะเอาน้ำหอมเจือกับน้ำรดที่มือท่าน ท่านจะให้ศีลให้พรผู้ที่ไปรด ถ้าเป็นพระก็จะนำผ้าสบงไปถวายให้ท่านผลัดเปลี่ยนด้วย หากเป็นฆราวาสก็จะหาผ้าถุง ผ้าขาวม้าไปให้

การดำหัว ก็คือการรดน้ำนั่นเอง แต่เป็นคำเมืองทางภาคเหนือ การดำหัวเรียกกันเฉพาะการรดน้ำผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ ผู้สูงอายุ คือการขอขมาในสิ่งที่ได้ล่วงเกินไปแล้ว หรือ การขอพรปีใหม่จากผู้ใหญ่ ของที่ใช้ในการดำหัวส่วนมากมีผ้าขนหนู มะพร้าว กล้วย และ ส้มป่อยการปล่อยนกปล่อยปลา ถือเป็นการล้างบาปที่ทำไว้ เป็นการสะเดาะเคราะห์ร้ายให้มีแต่ความสุขความสบายในวันขึ้นปีใหม่


การนำทรายเข้าวัด ทางภาคเหนือนิยมขนทรายเข้าวัดเพื่อเป็นนิมิตโชคลาภ ให้มีความสุขความเจริญ เงินทองไหลมาเทมาดุจทรายที่ขนเข้าวัด



วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

work shop 2


อักษรทองคำ




โปรสเตอร์


คีย์ลัด โฟโต้ช็อฟ

@ ปุ่มใช้งานทั่วๆไป @

-สร้างกระดาษเปล่าขึ้นมาใหม่ (NEW) =
-เรียกหน้าต่าง Open เปิดไฟล์ภาพ (Open) =
-ปิดไฟล์ภาพที่เลิกใช้งาน (Close) =
-ปิดไฟล์ภาพทีเดียวทั้งหมด โดยไม่ต้องปิดทีละภาพ (Close All) =
-บันทึกไฟล์ภาพ (Save) =
-บันทึกไฟล์ภาพในชื่อใหม่/บันทึกในรูปแบบอื่นๆ (Save) =
-สั่งพิมพ์เลยทันที (Print) =
-ออกจากโปรแกรม/ปิดโปรแกรม (Exit) =

@ ปุ่มแก้ไขการทำงาน @

-กลับไปก่อนขั้นตอนการทำงานล่าสุด (Undo) =
-ย้อนขั้นตอนการทำงานกลับไปด้วย (Step Backward) =
-ย้อนขั้นตอนการทำงานกลับมาด้วย (Step Forward) =
-ตัดส่วนที่เลือกเอาไว้รอเพื่อที่จะวาง (Cut) =
-คัดลอกส่วนที่เลือกไว้รอเพื่อที่จะวาง (Copy) =
-วางส่วนที่เลือกหรือคัดลอกมา (Paste) =

@ ปุ่มสำหรับแต่งแสง/แก้ไขสี ให้กับภาพ @

-ปรับความมืด/สว่างให้กับภาพ (Levels) =
-ปรับความมือ/สว่างอย่างละเอียด (Curves) =
-ปรับค่าสีของภาพให้สมดุล (Color Balance) =
-ปรับสี เปลี่ยนสี เพิ่มความเข้มของสี (Hue Saturation) =
-เปลี่ยนภาพสี เป็น ขาว-ดำ (Desaturate) =

@ ปุ่มสำหรับการเลือกพื้นที่ @

-ลบพื้นที่ที่ Selection =
-ยกเลิกการ Selection (Deselect) =
-ลบพื้ที่ Selection (Inverse) =

@ ปุ่มสำหรับปรับมุมมองการแสดงผล @

-ปรับภาพให้พอดีกับหน้าจอ (Fit on Screen) =
-ปรับภาพเท่ากับของจริง 100% (Actual Pixels) =
-เปลี่ยนโหมดการมองภาพ (Screen Mode) =
-ขยายภาพ แต่ หน้าต่างเท่าเดิม (ZoomIn) =
-ย่อภาพ แต่ หน้าตางเท่าเดิม (Zoom Out) =
-ขยาย ทั้งภาพและหน้าต่าง =
-ย่อ ทั้งภาพและหน้าต่าง =
-เลื่อนดูภาพ (Pan) =
-ซ่อน/แสดงไม้บรรทัด =
-ซ่อน/แสดงเส้นไกด์ =

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

13 Font แห่งชาติ



























Download Font Click


การออกแบบงานกราฟิก : Graphic Designer Poster


การออกแบบงานกราฟิก : Graphic Designer

ความคิดสร้างสรรค์

โดยแท้จริงแล้ว ความคิดสร้างสรรค์เป็นเรื่องที่หาคำนิยามที่สมบูรณ์ ร้อยเปอร์เซ็นต์แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะแต่ละคนก็มีความคิดแต่ละแบบ แต่ละสไตล์หลากหลายกันไป แ่ต่มีนิยามที่พอจะใช้อธิบายความหมายได้ครอบคลุมก็คือ " การผนวกส่วนของความคิดลึก ๆ ภายใน ใจประยุกต์ใช้แก้ไขปัญหา แก้ไขโจทย์และเงื่อนไขต่าง ๆ ที่มีอยู่โดยมีรูปแบบค่อนข้างใหม่ไม่ซ้ำกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว และมีคุณค่าในการตอบโจทย์เป้าหมาย หรือสิ่งที่เราต้องการได้เป็นอย่างดี

ความคิดสร้างสรรค์พอจะแบ่งเป็นเกณฑ์ เป็นระดับได้ ดังนี้

1. คิดแบบค้นพบ (Discovery)

เป็นการคิดที่ได้ไอเดียวใหม่ (Original Idea) หรือทฤษฎีใหม่ เช่น การค้นพบทฤษฎีแรงดึงดูดของโลกของ เซอร์ไอแซค นิวตัน หรือทฤษฎีสมดุลยภาพของ จอห์น แนช ซึ่งเป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปจะคิดได้



2. คิดเชิงนวัตกรรม (Innovative)

เป็นการคิดประยุกต์ที่นำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาผนวกให้เกินคุณค่าในการแก้ปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น การประดิษฐ์ทีวีขึ้นมา โดยนำหลักการเดินทางของคลื่นมาประยุกต์เป็นสิ่งประดิษฐ์

3. คิดเชิงสังเคราะห์ใหม่ (Synthesis)

เป็นความคิดที่นำสิ่งที่มีอยู่เดิมมารวบรวม หรือ "ยำ" ให้เกิดความคิดที่สร้างเป็นสิ่งใหม่ขึ้นมา

4. คิดแบบดัดแปลง (Mutation)

เป็นการนำปัญหาที่มีอยู่มาผนวกกับสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน แล้วเกิดการปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของ
สิ่งที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นขนาด รูปร่าง รูปทรง เช่น ความคิดที่จะนำเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้านมา
พกติดตัว เลยปรับขนาดกลายมาเป็นพ็อกเก็ตพีซี (Pocker PC) ในปัจจุบัน

ในการออกแบบกราฟฟิกนั้น เราจะใช้ความคิดในข้อที่ 3 และข้อที่ 4 มากที่สุด โดยความคิดที่ว่านี้เราจะใช้ในการคิดและผลิตงานออกแบบออกมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งจะพูดถึงกันอีกทีในหัวข้อถัดไป


โปสเตอร์ คือ ภาพขนาดใหญ่พิมพ์บนกระดาษ ออกแบบเพื่อใช้ติดหรือแขวนบนผนังหรือกำแพง โปสเตอร์อาจจะเป็นภาพพิมพ์และ/หรือภาพเขียน หรืออาจจะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ จุดประสงค์ก็เพื่อทำให้เตะตาผู้ดูและสื่อสารข้อมูล โปสเตอร์อาจจะใช้สอยได้หลายประการ แต่ส่วนใหญ่มักจะใช้ในการเผยแพร่เพื่อการประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะการโฆษณางานแสดงศิลปะ, งานดนตรี หรือภาพยนตร์, การโฆษณาชวนเชื่อ, หรือในการสื่อสารที่ต้องการสื่อสารความเชื่อต่อคนกลุ่มใหญ่


วิจารณ์โปรเตอร์

1.ความคิดสร้างสรรค์
การออกแบบไม่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากนัก แต่เน้รหลังการจัดวางขององประกอบภาพ ซึ่งออกแบบได้ดี และน่าสนใจ

2.การใช้สี
ใช้สีได้เหมาะสมกับ รูปแบบของโปรเตอร์ที่จะสื่อความหมายออกมา

3.การวางตัวอักษร

ไม่สะดุดตามากเท่าไหร่ แต่ ดูเหมาะสมกับการจัดวางของภาพที่ได้วางไว้




Computer Grafic การวางโครงสี

อารมณ์สี และความรู้สึก

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักวงจรสีกันก่อน วงจรสีหรือวงล้อสี เป็นเครื่องมือพื้นฐาน

ในการออกแบบสีและเพื่อเป็นการง่ายกับการเลือกใช้สี โดยมีการจัดวางแม่สีในวงล้อนี้

แม่สีมี 3 สีหลัก คือ สีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน

Monochrome หรือสีเอกรงค์ คือ มีเนื้อสีเดียวกัน แต่ให้ความแตกต่างกันด้วยน้ำหนักของสี

ด้วยการเติมส่วนของดำเพื่อเข้มขึ้น หรือเติมขาวเพื่อให้สีอ่อนลงหรือดูสว่างขึ้น

Monochrome

Monochrome หรือโครงสีเอกรงค์ คือมีเนื้อสี Hue เดียว แต่ให้ความแตกต่างด้วยน้ำหนักสี
Value สีเอกรงค์นี้ ให้อารมณ์ ความรู้สึก สุขุม เรียบร้อยเป็นสากล ไม่ฉูดฉาดสะดุดตา และในด้าน
การออกแบบเป็นการใช้คู่สีที่ง่ายที่สุด แล้วออกมาดูดี (เลือกแค่สีเดียวแล้วนำ้มาผสมขาว ผสมดำ หรือ
ปรับค่าความสว่าง Brightmess เพื่อเปลี่ยนน้ำหนักสี Analogus

ตัวอย่างงาน















Analogus

Analogus หรือโครงสีข้างเคียง คือสีที่อยู่ติดกัน อยู่ข้างเคียงกัน ในวงจรสี จะเป็น
ที่ละ 2 หรือ 3 หรือ 4 สีก็ได้ แต่ไม่ควรมากกว่านี้เพราสีอาจจะหลุดจากความข้างเคียง หรือ
หลุดออกจากโครงสีนี้ได้


ภาพตัวอย่าง

















Dyads

Dyads หรือโครงสีคู่ตรงข้าม Complementary Colour คือสีที่อยู่ตรงกันข้ามกันใน
วงจรสี การเลือกใช้สีคู่ตรงข้ามจะทำให้งานที่ได้มีความสะดุดตาในการมองแต่ก็ต้องระวังการ
ใช้สีคู่ตรงข้าม เพราะการเลือกใช้สึคู่ตรงข้ามด้วยกันนั้นถ้าเราหยิบสี 2 สีที่ตรงข้ามกันมาใช้
ในพื้นที่พอ ๆ กัน งานนั้นจะดูไม่มีเอกภาพ ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการทำงานศิลปะทางที่ดีเรา
ควรแบ่งพื้นที่ของสีในภาพของการใช้สีใดสีหนึ่งมากกว่าอีกสีหนึ่งโดยประมาณมักจะใช้สีหนึ่ง
70 % อีกสีหนึ่ง 30 % ภาพที่ได้ก็จะคงความมีเอกภาพอยู่ และยังมีความเด่นสะดุดตาไปได้
ในตัว

Triads

Triads หรือโครงสี 3 สี คือ
1. เป็นการใช้สี 3 สี ในช่วงห่างระหว่างสีทั้ง 3 เท่ากัน ถ้าเราลากเส้นระหว่างสีทั้ง 3 สี
เราจะได้สามเหลี่ยมด้านเท่า
2. เป็นการใช้สี 3 สี ในช่วงห่างระหว่างสีทั้ง 3 ไม่เท่ากันคือมีช่วงห่าง 2 ช่วงเท่ากัน แต่
กับอีกอันหนึ่งช่วงห่างจะยาวกว่า ถ้าลากเส้นระหว่างสีแล้วจะได้สามเหลี่ยมหน้าจั่

ภาพตัวอย่าง


















Tetrads

Tetrads หรือโครงสี 4 สี คือ
1. การใช้สีในวงจรสี 4 สี โดยเลือกสีที่มีช่วงห่างระหว่างสีเท่ากันหมดกล่าวคือ ถ้าเราลาก
เส้นเชื่อมสีทั้ง 4 สีแล้ว เราจะได้สี่เหลี่ยมจัตุรัส
2. การใช้สีในวงจรสี 4 สี โดยเลือกสีที่มีช่วงห่างระหว่างสีไม่เท่ากันโดยช่วงห่างของ 2 สี
เป็นช่วงสั้นและอีก 2 สีเป็นช่วงยาว กล่าวคือถ้าเราลากเส้นเชื่อมสีทั้ง 4 สีแล้ว เราจะได้สี่เหลี่ยม
ผืนผ้า

ภาพตัวอย่าง